บริเวณระเบียง เป็นพื้นที่หนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ทำให้จำเป็นต้องมีอะไรบางอย่างป้องกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีบ้านหลายชั้นที่มีระเบียง แล้วอะไรจะมาทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุได้? ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับ ราวกันตกระเบียง ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อความปลอดภัย รวมถึงเป็นการออกแบบเพื่อความสวยงามให้กับบ้านได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งวัสดุของราวกันตกก็มีหลายอย่าง เราจะมาแนะนำแบบต่าง ๆ ว่าเลือกแบบไหนดีให้ได้ทั้งความปลอดภัยและสวยงาม
ราวกันตกระเบียง คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?
ราวกันตกระเบียง จะเป็นฉากกั้นที่ติดตั้งไว้บริเวณขอบระเบียงเพื่อป้องกันไม่ให้คนพลัดตก ซึ่งเป็นหน้าที่หลักอย่างหนึ่งของราวกันตก นอกจากเรื่องของความปลอดภัยแล้ว การติดตั้งราวกันตกจะตอบสนองต่อจุดประสงค์ด้านความสวยงามหรือความดึงดูดสายตาของอาคารหรือบ้านด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับการตกแต่งบ้าน สไตล์ของบ้าน สถาปัตยกรรมของโครงสร้าง รวมถึงความชอบส่วนตัวด้วยเช่นกัน
ราวกันตกระเบียง เลือกวัสดุแบบไหนให้ได้ทั้งความปลอดภัยและสวยงาม
วัสดุของราวกันตกระเบียงจะมีให้เลือกด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ในบทความนี้ เราก็จะอธิบายเกี่ยวกับวัสดุต่าง ๆ รวมถึงข้อดีต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น
H3 : 1. ราวกันตกอลูมิเนียม
สำหรับราวกันตกแบบอลูมิเนียม จะมีข้อดีคือมีน้ำหนักที่เบา ทนทานต่อการเกิดสนิมหรือการสึกหรอ ไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมบำรุงบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่แปรปรวน อีกทั้งยังสามารถทำสีแบบ Power coating ได้หลากหลายสีและทำให้ความคงทนมีมากขึ้น เหมาะสำหรับบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือสายมินิมอล
H3 : 2. เหล็กสแตนเลส
เหล็กสแตนเลสเป็นเหล็กที่แข็งแรง มีความเงางาม ดูสะอาดและดูมีความเป็นสไตล์แบบโมเดิร์น สามารถผสมผสานเข้ากับวัสดุแบบอื่นได้เช่นกระจกหรือเคเบิล แต่ข้อเสียอาจมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวัสดุรูปแบบอื่น และต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อให้ดูเงางาม เหมาะกับสไตล์โมเดิร์นหรือสไตล์เชิงอุตสาหกรรม
H3 : 3. เหล็กดัด
การใช้เหล็กดัดเป็นราวกันตก จะเป็นวัสดุที่สามารถประยุกต์รูปร่างได้หลากหลาย สามารถออกแบบให้ออกมาได้ทั้งความคลาสสิคหรือสไตล์แบบโมเดิร์น อย่างไรก็ตาม เหล็กดัดจะเป็นเหล็กประเภทหนึ่งที่ต้องมีการบำรุงรักษาบ่อยเพื่อป้องกันการกัดกร่อนหรือป้องกันสนิม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เหมาะกับสไตล์ดั้งเดิมหรือสไตล์ที่เน้นความหรูหราเป็นพิเศษ
H3 : 4. กระจก
ราวกันตกแบบกระจกจะถูกออกแบบมาเพื่อการชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ไม่มีอะไรบัง มักใช้ร่วมกับโครงสร้างวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมหรือสแตนเลส เพื่อให้ดูมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ข้อเสียคือต้องทำความสะอาดและบำรุงบ่อย และต้องใช้กระจกคุณภาพด้านความปลอดภัยอย่างกระจกนิรภัยหรือลามิเนต
H3 : 5. ไม้
วัสดุที่เป็นไม้จะให้ความเป็นธรรมชาติ ดูอบอุ่น และสามารถเข้ากับสถาปัตยกรรมได้หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะแบบคลาสสิค แต่เป็นวัสดุอย่างหนึ่งที่ต้องมีการบำรุงรักษาอยู่เป็นประจำเพื่อป้องกันไม้เปื่อยหรือปัญหาปลวก โดยเฉพาะการเป็นวัสดุของราวกันตกระเบียง แต่ถ้าหากดูแลดีก็ใช้ได้ยาว ๆ ได้เช่นกัน
H3 : 6. ไวนิล
ไวนิลหรือ PVC เป็นวัสดุที่ราคาไม่แรง แถมยังคงทนต่อสภาพอากาศและไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาบ่อย ๆ และเป็นวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย มีหลากหลายสีหลากหลายสไตล์ให้เลือก อย่างไรก็ตาม วัสดุประเภทนี้อาจไม่คงทนเมื่อเทียบกับอลูมิเนียม เหล็ก หรือไม้
H3 : 7. เคเบิล
ราวกันแตกแบบเคเบิลจะให้ความรู้สึกแบบมินิมอล มักจะใช้ร่วมกับวัสดุอย่างอลูมิเนียมหรือโครงเหล็ก มักให้ความรู้สึกคล้าย ๆ แบบกระจกแต่มีความเป็นอุตสาหกรรมหรือมินิมอลมากกว่า แต่เคเบิลอาจเสื่อมและหลวมลงเมื่อใช้ไปนาน ๆ ทำให้ต้องมีการบำรุงรักษาอยู่บ้างเช่นกัน เหมาะกับสไตล์แบบโมเดิร์นหรือมินิมอล
H3 : 8. คอนกรีตหรือหิน
ราวกันตกระเบียงแบบคอนกรีตหรือหินจะมีความทนทานสูงและบำรุงรักษาไม่มาก แข็งแรงและสามารถตกแต่งได้หลากหลาย มักจะใช้ในสไตล์แบบดั้งเดิมหรือสไตล์ยุโรป แต่ข้อเสียก็มี คือเป็นวัสดุที่ค่อนข้างหนักและลำบากในการติดตั้ง รวมถึงมีราคาค่าใช้จ่ายที่สูงด้วยเช่นกัน
ราวกันตกระเบียงวัสดุต่าง ๆ มีหลายแบบให้เลือก แต่ถ้าถามความคิดเห็นของ ALUFENCE ราวกันตกแบบอลูมิเนียมจะมีคุณลักษณะต่าง ๆ ที่โดดเด่นมากกว่า เพราะเป็นวัสดุที่เบา ทนทาน ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาบ่อย ซึ่งทางเราจะใช้วัสดุอลูมิเนียมคุณภาพจากออสเตรเลียรวมถึงมีบริการ Powder coating ทำสีที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมยาวนานถึง 10 ปี และพร้อมแนะนำการดีไซน์รูปแบบต่าง ๆ ทั้งแบบซี่ระแนง แบบกระจก รวมถึงมีการเก็บงานเรียบร้อย มีให้เลือกสีหลากหลายสีด้วยกัน
Comments